โปรแกรม Ulead video studio 9
การจับภาพ
เสียบสายเคเบิ้ลเข้ากับคอมพิวเตอร์และกล้องวีดีโอดิจิตอลให้เรียบร้อย แล้วเปิดกล้องในโหมด VCR เปิดโปรแกรม Ulead โปรแกรมจะเปิดหน้าต่างในขั้นตอน Edit ให้คลิกที่ปุ่ม Capture เพื่อทำการจับภาพจากกล้องวีดีโอ

หลังจากที่คลิกปุ่ม Capture แล้ว ให้คลิกที่ Capture Video

โปรแกรมจะแสดงหน้าต่างจับภาพ ด้านซ้ายของหน้าต่างเรียกว่า Options Panel ส่วนแสดงภาพเรียกว่าหน้าต่างพรีวิว ด้านขวาเรียกว่าไลบรารี่ ส่วนด้านล่างเแสดงข้อมูลต่างๆ ของวีดีโอ (ดูเพิ่มเติมใน "ส่วนติดต่อกับผู้ใช้")

ส่วน Options Panel
Duration ตั้งระยะเวลาของการจับภาพ
Source อุปกรณ์จับภาพวีดีโอและรายชื่ออุปกรณ์จับภาพอื่นๆ ที่ติดตั้งในเครื่องคอมพิวเตอร์
Format รูปแบบไฟล์ของวีดีโอที่จะจับภาพและบันทึกในคอมพิวเตอร์
Split by scene บันทึกไฟล์วีดีโอที่จับภาพแยกไฟล์กัน แยกตามการกดปุ่มบันทึกและหยุดบันทึก หากไม่กำหนด โปรแกรมจะบันทึกไฟล์วีดีโอเป็นไฟล์เดียว (คุณลักษณะนี้ใช้ได้เฉพาะการจับภาพจากกล้องวีดีโอดิจิตอลเท่านั้น)
Capture folder โฟลเดอร์ที่เก็บไฟล์วีดีโอ
Options แสดงเมนูให้คุณได้ปรับแต่งค่าการจับภาพ
Capture Video จับภาพจากกล้องวีดีโอบันทึกลงในฮาร์ดดิสก์
Capture Image จับภาพเฟรมของวีดีโอที่แสดง เป็นภาพนิ่ง
Disable Audio Preview ปิดเสียงขณะที่ทำการจับภาพ โดยไม่มีผลการเสียงในวีดีโอที่จับ

ในการจับภาพวีดีโอนี้ คุณอาจจะทำการตั้งเวลาในการจับภาพได้ เช่น ต้องการจับภาพเพียง 20 นาทีเท่านั้น ให้ป้อนเลขระยะเวลาของการจับภาพในช่อง Duration เมื่อถึงเวลาที่กำหนดโปรแกรมจะหยุดจับภาพเองโดยอัตโนมัติ
ช่อง Source เมื่อคุณต่อสายเคเบิ้ลและเปิดกล้องวีดีโอ ชื่อกล้องวีดีโอก็จะปรากฏในช่องนี้ หรือหากติดตั้งการ์ดจับภาพอยู่ ก็จะปรากฏรายชื่อในชอง Source นี้เหมือนกัน
ช่อง Format เลือกรูปแบบไฟล์วีดีโอที่คุณต้องการบันทึก หากต้องการจับภาพบันทึกเป็นไฟล์ .avi ให้เลือกรายการ DV หากต้องการบันทึกเป็นไฟล์ MPEG-1 เมื่อจับภาพเสร็จก็สามารถนำไปเขียนเป็น VCD ได้ ให้เลือก VCD

ส่วนของ Information จะแสดงข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับการจับภาพ ไฟล์ที่จะบันทึกต่อไปเป็นไฟล์ชื่ออะไร ความละเอียด ชนิดอะไร ระบบไหน เป็นต้น

ในตัวอย่างต่อไปนี้ เป็นการตั้งค่าการจับภาพเป็นแบบ DV และเลือกให้มีการแยกไฟล์ตาม scene โดยการทำเครื่องหมายถูกหน้า Split by scene การจับภาพแบบแยก scene นี้ ช่วยให้คุณสามารถที่จะจัดลำดับของคลิปวีดีโอเรียงตามเหตุการณ์ หรือลบทิ้งคลิปที่ไม่ต้องการได้อย่างสะดวกยิ่งขึ้น รวมทั้งใส่เอ็ฟเฟ็กต์ทรานสิชั่นในระหว่างคลิปได้อย่างง่ายโดยที่ไม่ต้องมาแยก scene ใหม่
จากข้อมูลใน Information จะสังเกตุเห็นว่า DV type จะเป็น Type-1 อยู่ แต่ต้องการจะเปลี่ยนเป็น Type-2 ให้คลิก Options แล้วเลือก Capture Options เพื่อตั้งค่าตัวเลือกในการจับภาพ
จากข้อมูลใน Information จะสังเกตุเห็นว่า DV type จะเป็น Type-1 อยู่ แต่ต้องการจะเปลี่ยนเป็น Type-2 ให้คลิก Options แล้วเลือก Capture Options เพื่อตั้งค่าตัวเลือกในการจับภาพ

ทำเครื่องหมายถูกหน้า Capture to Library (เป็นค่าเริ่มต้นของโปรแกรม) การเลือกตัวเลือกนี้ เป็นการจับภาพแล้วให้นำภาพขนาดเล็ก (thumbnail) ของวีดีโอที่จับ เก็บไว้ในไลบรารี่ด้วย ประโยชน์ของการที่เก็บภาพไว้ในไลบรารี่ก็คือ ทำให้คุณทราบว่าได้มีการจับภาพวีดีโออะไรมาบ้าง และหากคุณต้องการนำคลิปวีดีโอนั้นมาตัดต่อ ก็เพียงแต่คลิกลากไฟล์วีดีโอที่อยู่ในไลบรารี่มาใส่ใน Timeline เท่านั้น

คลิก Options แล้วเลือก DV Type... คลิกเลือก DV type-2 คลิกปุ่ม OK
หลังจากที่เลือกชนิดวีดีโอเป็น type-2 แล้วข้อมูลในส่วน Information ก็จะเปลี่ยนตาม

เมื่อตั้งค่าต่างๆ เสร็จแล้ว คลิกที่รูปกล้องหน้า Capture Video เพื่อเริ่มขั้นตอนจับภาพจากกล้องบันทึกเป็นไฟล์ลงคอมพิวเตอร์

ภาพหน้าจอขณะที่โปรแกรมกำลังจับภาพ

ขณะที่กำลังจับภาพอยู่นั้น หากต้องการปิดเสียงวีดีโอที่กำลังจับภาพอยู่ ให้คลิกที่ Disable Audio Preview การปิดเสียงนี้ไม่มีผลต่อเสียงที่บันทึกลงไฟล์วีดีโอ เมื่อต้องการหยุดการจับภาพ ให้คลิกรูปกล้องหน้า Stop Capture
หากมีการตั้งเวลาจับภาพ (กำหนดระยะเวลาจับภาพในช่อง Duration) เมื่อถึงระยะเวลาที่กำหนด โปรแกรมจะหยุดจับภาพโดยอัตโนมัติ
หากมีการตั้งเวลาจับภาพ (กำหนดระยะเวลาจับภาพในช่อง Duration) เมื่อถึงระยะเวลาที่กำหนด โปรแกรมจะหยุดจับภาพโดยอัตโนมัติ

หลังจากที่หยุดจับภาพแล้ว ให้บันทึกโครงการนี้ไว้ เพื่อเปิดตัดต่อในภายหลัง โดยไม่ต้องเลือกไฟล์เพิ่มใน Timeline เพื่อตัดต่ออีก
เลือกเมนู File -> Save แล้วตั้งชื่อไฟล์โครงการ
ชื่อไฟล์โครงการที่ได้ตั้งไว้
การบันทึกโครงการนี้ หากคุณจับภาพเสร็จและปิดโปรแกรม ก็จะปรากฏกรอบโต้ตอบถามถึงการบันทึกโครงการเช่นกัน
หมายเหตุ : การจับภาพแบบ DV Type-1 หรือ DV Type-2 (จากกล้องวีดีโอดิจิตอล) หรือจับภาพแบบ MPEG (จากกล้องดิจิตอลหรือจากอุปกรณ์อนาล็อก) จะมีข้อจำกัดเรื่องขนาดไฟล์ที่ 4 GB ใน Windows 98 SE และ Me ที่ใช้ระบบไฟล์เป็น FAT 32 ขณะที่จับภาพ เมื่อขนาดไฟล์มีขนาดใหญ่กว่า 4 GB โปรแกรมจะสร้างไฟล์ใหม่ให้โดยอัตโนมัติ ส่วนใน Windows 2000 และ Windows XP ที่ใช้ระบบไฟล์เป็น NTFS ไม่มีขีดจำกัดเรื่องขนาดไฟล์ในการจับภาพ
การจับภาพแบบแบ่งไฟล์เมื่อมีขนาดเกินนี้ จะใช้ไม่ได้กับการจับภาพแบบ VFW (Video For Windows) และโปรแกรม Ulead VideoStudio นี้จะตรวจสอบระบบไฟล์และทำการจับภาพแบบแบ่งไฟล์เมื่อมีขนาดใหญ่เกินข้อจำกัดโดยอัตโนมัติ และจะทำได้เฉพาะในไฟล์ระบบที่เป็น FAT 32 เท่านั้น
หมายเหตุ : การจับภาพแบบ DV Type-1 หรือ DV Type-2 (จากกล้องวีดีโอดิจิตอล) หรือจับภาพแบบ MPEG (จากกล้องดิจิตอลหรือจากอุปกรณ์อนาล็อก) จะมีข้อจำกัดเรื่องขนาดไฟล์ที่ 4 GB ใน Windows 98 SE และ Me ที่ใช้ระบบไฟล์เป็น FAT 32 ขณะที่จับภาพ เมื่อขนาดไฟล์มีขนาดใหญ่กว่า 4 GB โปรแกรมจะสร้างไฟล์ใหม่ให้โดยอัตโนมัติ ส่วนใน Windows 2000 และ Windows XP ที่ใช้ระบบไฟล์เป็น NTFS ไม่มีขีดจำกัดเรื่องขนาดไฟล์ในการจับภาพ
การจับภาพแบบแบ่งไฟล์เมื่อมีขนาดเกินนี้ จะใช้ไม่ได้กับการจับภาพแบบ VFW (Video For Windows) และโปรแกรม Ulead VideoStudio นี้จะตรวจสอบระบบไฟล์และทำการจับภาพแบบแบ่งไฟล์เมื่อมีขนาดใหญ่เกินข้อจำกัดโดยอัตโนมัติ และจะทำได้เฉพาะในไฟล์ระบบที่เป็น FAT 32 เท่านั้น
Effect
Transition effect เป็นเอฟเฟ็กต์ที่ใส่ในระหว่างคลิปวีดีโอ ช่วยให้การเปลี่ยนภาพระหว่างคลิปวีดีโอมีความแปลก น่าสนใจ ซึ่งใน Ulead นี้ มีเอฟเฟ็กต์ต่าง ๆ ให้เลือกมากมาย
Transition effect เป็นเอฟเฟ็กต์ที่ใส่ในระหว่างคลิปวีดีโอ ช่วยให้การเปลี่ยนภาพระหว่างคลิปวีดีโอมีความแปลก น่าสนใจ ซึ่งใน Ulead นี้ มีเอฟเฟ็กต์ต่าง ๆ ให้เลือกมากมาย


ด้านบนของรายการเอฟเฟ็กต์ก็คือหมวดหมู่ของเอฟเฟ็กต์ต่าง ๆ เมื่อเลือกแล้ว ด้านล่างก็จะแสดงรายการเอฟเฟ็กต์ตามหมวดหมู่นั้น ๆ

ปกติแล้วเอฟเฟ็กต์ ต่าง ๆ จะแสดงรูปแบบการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว ทำให้เราสามารถเห็นรูปแบบของเอฟเฟ็กต์แต่ละอย่างได้ แต่เราก็สามารถคลิกบนเอฟเฟ็กต์ที่ต้องการให้แสดงภาพใหญ่ได้ โดยคลิกบนรายการเอฟเฟ็กต์ที่ต้องการ แล้วคลิกปุ่ม Play เราก็จะเห็นการเปลี่ยนแปลงของเอฟเฟ็กต์ขนาดใหญ่
ในรายการเอฟเฟ็กต์นั้น A คือคลิปวีดีโอแรก B คือคลิปวีดีโอที่สอง เมื่อคลิกปุ่ม Play จะเห็นความเปลี่ยนแปลงจาก A เป็น B ซึ่งแต่ละเอฟเฟ็กต์จะมีรูปแบบแตกต่างกันออกไป เมื่อนำไปแทรกระหว่างคลิปวีดีโอ การเปลี่ยนแปลงระหว่างคลิปก็จะมีรูปแบบเดียวกับ Effect ที่เลือก
ในรายการเอฟเฟ็กต์นั้น A คือคลิปวีดีโอแรก B คือคลิปวีดีโอที่สอง เมื่อคลิกปุ่ม Play จะเห็นความเปลี่ยนแปลงจาก A เป็น B ซึ่งแต่ละเอฟเฟ็กต์จะมีรูปแบบแตกต่างกันออกไป เมื่อนำไปแทรกระหว่างคลิปวีดีโอ การเปลี่ยนแปลงระหว่างคลิปก็จะมีรูปแบบเดียวกับ Effect ที่เลือก

การใส่เอฟเฟ็กต์ คลิกบนรายการเอฟเฟ็กต์ที่ต้องการ (1) แล้วลากมาวางในระหว่างคลิปวีดีโอ (2) คลิกปุ่ม Play (3) เพื่อทดสอบเอฟเฟ็กต์ดูว่าผลได้ตามความต้องการหรือไม่ หากรู้สึกว่าช่วงเวลาแสดงเอฟเฟ็กต์นั้นสั้นหรือนานไป ให้ไปกำหนดระยะเวลาของเอฟเฟ็กต์ (4) เอฟเฟ็กต์บางรายการสามารถปรับแต่งรูปแบบได้ (5) อย่างเช่น เลื่อนภาพจากซ้ายไปขวา จากด้านบนลงด้านล่าง เป็นต้น
กรณีที่ต้องการเห็นภาพของเอฟเฟ็กต์เต็มรูปแบบ (ไม่ใช่ตัวอย่างที่คลิกบนเอฟเฟ็กต์ระหว่างคลิปวีดีโอแล้วคลิกปุ่ม Play) ทำดังนี้
1. คลิกบนคลิปวีดีโอก่อนเอฟเฟ็กต์ที่ต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลง
2. คลิกปุ่มแสดงตำแหน่งวีดีโอเลื่อนไปยังตำแหน่งเกือบสิ้นสุดคลิป
3. คลิกรายการ Project (ซ้ายมือของปุ่ม Play)
4. คลิกปุ่ม Play
Ulead จะเล่นภาพวีดีโอจากจุดที่กำหนดไว้ไปเรื่อย ๆ ก็จะผ่านช่วงของเอฟเฟ็กต์ เราก็จะสามารถเห็นการทำงานของเอฟเฟ็กต์ว่า ระยะเวลาสั้นหรือนานตรงกับความต้องการหรือไม่ หรือเอฟเฟ็กต์ระหว่างคลิปนั้น เหมาะสมดีหรือไม่ เมื่อต้องการดูซ้ำอีก ก็ให้ทำตามขั้นตอนที่ 1
กรณีที่ต้องการเห็นภาพของเอฟเฟ็กต์เต็มรูปแบบ (ไม่ใช่ตัวอย่างที่คลิกบนเอฟเฟ็กต์ระหว่างคลิปวีดีโอแล้วคลิกปุ่ม Play) ทำดังนี้
1. คลิกบนคลิปวีดีโอก่อนเอฟเฟ็กต์ที่ต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลง
2. คลิกปุ่มแสดงตำแหน่งวีดีโอเลื่อนไปยังตำแหน่งเกือบสิ้นสุดคลิป
3. คลิกรายการ Project (ซ้ายมือของปุ่ม Play)
4. คลิกปุ่ม Play
Ulead จะเล่นภาพวีดีโอจากจุดที่กำหนดไว้ไปเรื่อย ๆ ก็จะผ่านช่วงของเอฟเฟ็กต์ เราก็จะสามารถเห็นการทำงานของเอฟเฟ็กต์ว่า ระยะเวลาสั้นหรือนานตรงกับความต้องการหรือไม่ หรือเอฟเฟ็กต์ระหว่างคลิปนั้น เหมาะสมดีหรือไม่ เมื่อต้องการดูซ้ำอีก ก็ให้ทำตามขั้นตอนที่ 1